หลักเกณฑ์ในการขอพระราชทานเพลิงศพ
ผู้มีสิทธิ์ได้รับพระราชทานน้ำหลวง เพลิงหลวง และหีบเพลิง ต้องมีตำแหน่งชั้น และยศ ดังต่อไปนี้
1. พระสมณศักดิ์ ตั้งแต่ชั้น “พระครูสัญญาบัตร” ขึ้นไป
2. พระราชวงศ์ ตั้งแต่ชั้น “หม่อมเจ้า” ขึ้นไป
3. ผู้ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
4. ราชการพลเรือนสามัญ ชั้นตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป
5. ข้าราชการฝ่ายทหาร ตำรวจ ยศชั้นร้อยตรีขึ้นไป
6. พนักงานเทศบาล ตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป
7. ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตั้งแต่ “เบญจมดิเรกคุณาภรณ์” (บ.ภ.) และ”เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย”(บ.ม.) ขึ้นไป
8. ผู้มีเกียรติที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เหรียญ “รัตนาภรณ์” รัชกาลปัจจุบัน
9. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกเทศบาล ที่ถึงแก่กรรมในขณะดำรงตำแหน่ง
10. รัฐมนตรี ถึงแก่อนิจกรรม ในขณะดำรงตำแหน่ง
11. ผู้ที่ทรงโปรดเกล้าฯ เป็นกรณีพิเศษ
หมายเหตุ : บุคคลผู้ทำลายชีพตนเองและผู้ต้องอาญาแผ่นดิน ไม่พระราชทานเพลิงและเครื่องประกอบเกียรติยศ
1. บัตรประจำตัวข้าราชการผู้เสียชีวิต
3. ทะเบียนบ้านผู้เสียชีวิต
4. บัตรประจำตัวของทายาทของผู้เสียชีวิต
5.ทะเบียนบ้านของทายาทของผู้เสียชีวิต
6. ในกรณีที่ทายาทสมรสแล้วเปลี่ยนนามสกุล ให้แนบสำเนาทะเบียนสมรสด้วย
หมายเหตุ ทั้งนี้ต้องนำเอกสารทั้งต้นฉบับและสำเนาแนบมาพร้อมกัน
ผู้ที่สมควรได้รับการพิจารณา ในการขอพระราชทานเพลิงศพกรณีพิเศษควรอยู่ในหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1. ผู้ที่อยู่ในราชสกุล ชั้นหม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง
2. พระสงฆ์ที่พระราชาคณะพิจารณาขอพระราชทานให้
3. พนักงานรัฐวิสาหกิจระดับสูง
4. ผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญราชรุจิ เหรียญกล้าหาญ และเหรียญชัยสมรภูมิ
5. ผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เช่น ศิลปินแห่งชาติ นักกีฬาระดับชาติ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อดีตสภาร่างรัฐธรรมนูญ อดีตสภาจังหวัด หรืออดีตสมาชิกสภาเทศบาล
6. ผู้ทำคุณประโยชน์ เช่น บริจาคเพื่อการกุศลคิดเป็นมูลค่า ไม่น้อยกว่า 300,000 บาท บริจาคร่างกายหรืออวัยวะ
7. บิดา มารดาของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับ 6 หรือเทียบเท่าขึ้นไป
8. บิดา มารดาของผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์”ตริตาภรณ์ช้างเผือก”(ต.ช.)ขึ้นไป
9. บิดา มารดาของพระสมณศักดิ์ ตั้งแต่ชั้น”พระครูสัญญาบัตร” ขึ้นไป
10. บิดา มารดาของข้าราชการทหาร ตำรวจ ตั้งแต่ระดับพันโท นาวาโท นาวาอากาศโท ขึ้นไป