เมื่อบุคคลผู้อยู่ในหลักเกณฑ์รับพระราชทานถึงแก่กรรม เจ้าภาพที่ประสงค์จะขอรับพระราชทานจะต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
๑. ถ้าขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เจ้าภาพ หรือทายาท จะต้องจัดดอกไม้กระทง ๑ กระทง ธูปไม้ระกำ ๑ ดอก เทียน ๑ เล่ม มีพานรองพร้อม ไปกราบถวายบังคมลา โดยติดต่อที่กองพระราชพิธี สำนักพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมทั้งนำใบมรณบัตรและหลักฐานที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ขึ้นสูงสุดที่ได้รับ ไปแสดงแก่เจ้าหน้าที่เพื่อการจัดชั้นของเครื่องเกียรติยศประกอบศพได้ถูกต้อง
ส่วนพระสงฆ์สมณศักดิ์ ไม่ต้องมีดอกไม้ธูปเทียน เป็นหน้าที่ของกรมศาสนา แจ้งการมรณภาพและขอพระราชทาน
๒. เมื่อจะประกอบการฌาปนกิจเจ้าภาพ หรือทายาทผู้ประสงค์ของพระราชทานเพลิงศพ
๒.๑ จะต้องทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงเจ้าสังกัดของผู้ถึงแก่กรรมโดยระบุ
- ชื่อ ตำแหน่ง ชั้น ยศ ของผู้ถึงแก่กรรม
- ถึงแก่กรรมด้วยโรคอะไร ที่ไหน เมื่อใด
- ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อะไรบ้าง
- มีความประสงค์จะขอรับพระราชทานเครื่องเกียรติยศประกอบศพ อย่างใดบ้าง
- ประกอบการฌาปนกิจศพที่วัดไหน จังหวัดไหน วันเวลาใด
๒.๒ ติดต่อทางสุสานวัด เพื่อประกอบการฌาปนกิจ
การขอพระราชทานเพลิงศพนั้น จะต้องไม่ตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และวันเฉลิมฉลองศิริราชสมบัติ พระราชพิธีฉัตรมงคล
ผู้มีสิทธิได้รับพระราชทานเพลิง ถ้าจะประกอบการฌาปนกิจนอกเขตกรุงเทพมหานครทางสำนักพระราชวัง จะได้จัดหีบเพลิงให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับส่งไปพระราชทานเพลิง ถ้าหากเจ้าภาพมีความประสงค์จะให้เจ้าพนักงานเชิญเพลิงหลวงไปพระราชทาน เจ้าภาพจะต้องจัดพาหนะมารับ – ส่ง และกลับ ในวันเดียวกัน
ถ้าประกอบการฌาปนกิจในเขตกรุงเทพมหานคร สำนักพระราชวังจะได้จัดเจ้าพนักงานเชิญเพลิงหลวงไปพระราชทาน โดยรถยนต์หลวง
สำหรับเครื่องประกอบเกียรติยศ ได้แก่ หีบ โกศ ฉัตรตั้ง นั้น ทางสำนักพระราชวังจะได้เชิญไปประกอบ และแต่งตั้งไว้มีกำหนดเพียง ๗ วัน เมื่อพ้นไปแล้วเจ้าภาพ หรือทายาทยังไม่กำหนดพระราชทานเพลิง ถ้าทางราชการมีความจำเป็นก็จะถอนส่วนประกอบลองนอกของหีบโกศ ไปใช้ในราชการต่อไป
******************
|